เสี่ยโต ถูกลูกชาย-สะใภ้ กักขัง ฮุบสมบัติจำนวน 65 ล้าน

     ผู้การแปดริ้ว นำกำลังหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าค้นบ้านพ่อของลูกสะใภ้ เสี่ยโต ที่ผู้เสียหายระบุว่าถูกกักขัง ทรมานและจับกรอกยา พบร่องรอยพยานหลักฐานหลายอย่างที่ตรงกับคำให้การ เชื่อว่ามีการกักขังจริง ส่วนกรณีภรรยาผู้เสียหายผูกคอตายจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ ต้องติดตามรอผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์และส่วนอื่นประกอบ เตรียมเชิญคนในบ้านมาสอบสวนในฐานะพยาน
     กรณี เสี่ยโต นายสมศักดิ์ รุ่งรักษาธรรม เจ้าของของกิจการใน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เข้าร้องทุกข์ต่อ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ว่าถูกลูกชายและลูกสะใภ้จับไปกักขัง ทรมานและจับกรอกยาทำให้เป็นผู้ป่วยจิตเวช และไปทำการร้องขอเป็นผู้ดูแล โดยได้ทำการยักย้ายทรัพย์สินออกจากบัญชีไปเป็นจำนวนเงิน 65 ล้านบาท และยังสงสัยในการตายของภรรยาที่ผูกคอตาย คาดว่าจะเป็นการฆาตกรรมนั้นล่าสุดเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ก.พ. 66 พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบก., พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา, เจ้าหน้าที่ พฐ. และ ร.ต.อ.วรทัศน์ เรืองฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา นำหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 10/2566 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเข้าตรวจค้นหาเก็บหลักฐานและความเชื่อมโยงของคดี ที่โรงผลิตน้ำสื่อสวัสดิ์ เลขที่ 40/8 ม.1 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ของนายประสงค์ สื่อสวัสดิ์วาณิชย์ พ่อของนางสาวเจนนิส สื่อสวัสดิ์วาณิชย์ ลูกสะใภ้ของนายสมศักดิ์ รุ่งรักษาธรรม หรือเสี่ยโต ผู้เสียหาย พบนางธร ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นญาติของนายประสงค์ เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้ตอนนี้ไม่มีคนอยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจศาลเข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ โดยมี นายสมศักดิ์ หรือเสี่ยโต พาไปชี้จุด โดยจุดแรกเป็นรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กผ 1595 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของเสี่ยโตที่ใช้ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ถูกโอนไปเป็นชื่อของ นายธวัชชัย รุ่งรักษาธรรม ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของตนเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นเสี่ยโตได้พาไปดูบริเวณรอบๆด้านหลังบ้าน พบมีห้องที่สร้างใหม่อีก 2 ห้อง ซึ่งหนึ่งในสองห้องนี้เป็นห้องที่เสี่ยโตถูกแยกกักขังในช่วงหลัง โดยบริเวณหลังบ้านเป็นลานโล่งกว้าง จากนั้นเสี่ยโตได้พาเดินเข้ามาภายในอาคารซึ่งเป็นห้องนอนที่ใช้กักขังตนและภรรยาคือนางนิสา มานานเป็นเวลากว่า 2 ปี เมื่อเสี่ยโตเดินทางเข้าไป ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าห้องดังกล่าวเป็นห้องที่ใช้กักขังตนและภรรยาจริง เนื่องจากจำสีฟ้าของผนัง นาฬิกาแขวน และฝ้าเพดานที่ตนปีนขึ้นไปทำการเจาะรูเพื่อใช้ระบายอากาศเนื่องจากห้องมันร้อนไม่มีอากาศถ่ายเทพัดผ่าน ตรงตามคำให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงก็คือการเปลี่ยนลูกบิดประตูด้านหน้าห้องใหม่ และภายในห้องได้นำสายไฟจากร้านของตนมาไว้ภายในห้องนี้ ลักษณะเป็นเหมือนห้องเก็บของจากนั้นเสี่ยโตพาเจ้าหน้าที่ พฐ.ออกไปนอกบ้าน ซึ่งเป็นอาคารปูนสีขาวแยกออกจากตัวบ้าน จุดนี้เสี่ยโตเปิดเผยว่า เป็นจุดที่ตนเองถูกแยกกักขัง ภายในมีเนื้อที่ประมาณ 2X2 เมตร มีโถส้วมอยู่ด้านใน และบริเวณตะแกรงเหล็กระบายอากาศถูกดัดแปลงตัดออกเป็นรูขนาดใหญ่ เพื่อไว้ใช้ส่งอาหารต่างๆให้เสี่ยโต นอกเหนือจากนี้ตามคำให้การของเสี่ยโตที่ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้หยอดน้ำเกลือไว้ที่เหล็กดัด เพื่อทำให้เป็นสนิมผุกร่อน จะได้ทำการหลบหนี ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบคราบสนิมบริเวณตะแกรงเหล็กอยู่จริงตามคำให้การ เจ้าหน้าที่ พฐ.ได้ถอดเหล็กออกเพื่อนำไปตรวจหาคราบรอยนิ้วมือของเสี่ยโตว่าอยู่ที่ห้องนี้จริงหรือไม่ และใช้โซเดียมในการตรวจสอบค้นหาคราบเกลือตามที่เสี่ยโตกล่าวอ้าง ซึ่งชุดสืบสวนยังได้กระจายกำลังโดยรอบเพื่อค้นหาเก็บหลักฐานเพิ่มเติมนำมาประกอบสำนวนคดีพล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นในวันนี้เชื่อว่า นายสมศักดิ์ หรือเสี่ยโต มาอยู่ที่บ้านหลังนี้จริง ตามคำให้การและชี้จุดต่างๆ ได้ตรงกับข้อมูลที่ให้การมาก่อนหน้านี้ จึงเข้าข่ายในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังตามพยานที่ระบุ ส่วนประเด็นเรื่องการฆาตกรรม นางนิสา ภรรยาของเสี่ยโตนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอพยานหลักฐานในหลายๆ ส่วนก่อน ทั้งนิติวิทยาศาตร์ พยานแวดล้อม พยานบุคคล เส้นทางการเงิน และต้องเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาทำการสืบสวนสอบสวนในฐานะพยานก่อน ซึ่งหากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุอย่างชี้ชัด หรือสามารถระบุตัวตนได้ ก็จะขยายผลเป็นถึงเหตุฆาตกรรมที่นายสมศักดิ์สงสัยอยู่ ณ ขณะนี้ แต่เบื้องต้นได้ให้ พฐ.เก็บหลักฐานทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นำไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะเชิญตัวลูกชาย ลูกสะใภ้ของเสี่ยโต และพ่อแม่ของลูกสะใภ้ มาทำการสอบสวน หากไม่มาแสดงตนก็จะต้องออกหมายเรียก สุดท้ายหากไม่มาก็คงต้องขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไปให้เป็นไปตามขั้นตอน