เพลิงไหม้ลุกโชน เผาวอดวายทั้งอาคาร 3 ชั้น บก.น.5 กทม. เปลวเพลิงสีแดงมอดไหม้-ได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะๆ

     ไฟลุกไหม้อาคาร 3 ชั้น สำนักงาน บก.น. 5 เผาวอดวายทั้งหลัง ระดมรถน้ำดับกว่า 50 คันเข้าสกัดเพลิงไหม้ พบรถยนต์เสียหายจำนวน 7 คัน เตรียมตั้ง คกก.ตรวจสอบ เผยต้นเหตุของเพลิงมาจากชั้น 1 ไหม้กองเอกสาร ก่อนเกิดเหตุมีเสียงระเบิดคล้ายไฟฟ้าลัดวงจร
     เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 66 ร.ต.อ.มัสโรจน์ เมฆวิเชียรเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ภายในสำนักงานกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) อยู่ใกล้บริเวณปากซอยสาทร 8 ถนนสาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. จึงประสานรถน้ำสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครกว่า 50 คันเพื่อสกัดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้าตรวจสอบพื้นที่ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณถนนสาทรขาเข้าใกล้กับแยกนรินทร พบแสงเพลิงกำลังลุกไหม้อาคารสูง 3 ชั้น เต็มพื้นที่ทุกชั้น เปลวไฟอยู่ระกับสูงกว่า 10 เมตร มีเสียงระเบิดดังออกมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรที่สี่แยกนรินทร ผ่านหน้าจุดเกิดเหตุเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร พร้อมระดมพลเจ้าหน้าที่และสายฉีดน้ำกว่า 50 หัวฉีด เข้าควบคุมสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปภายในบริเวณอาคารได้เลนเนื่องจากหลังคากำลังถล่มลงมา จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ติดค้าง หรือพักอาศัยอยู่ภายในอาคาร แต่มีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดไว้บริเวณรอบอาคาร ได้รับความเสียหายจำนวน 7 คัน หนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งของ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 หมายเลขทะเบียน ตราโล่ 09806 กันชนหน้ารถเกิดการละลายจากความร้อนที่สูง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถดับไฟลงได้เสร็จสิ้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบอาคารถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ ขณะกำลังจะไปออกกำลังกาย พร้อมระบุว่า จากการสอบถามตำรวจเวรยามรักษาการณ์ที่หน้าอาคารทราบมาว่า ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นได้ยินเสียงระเบิดคล้ายไฟฟ้าลัดวงจรที่ชั้นล่างของตัวอาคาร หลังจากนั้นก็เห็นแสงประกายเพลิงกำลังลุกไหม้กองเอกสารในห้องเก็บเอกสาร จึงทำการรีบนำถังดับเพลิงวิ่งเข้าไปฉีด แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงไหม้ไว้ได้ จึงรีบคว้าโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาทำการช่วยเหลือ ยังโชคดีที่ใกล้จุดเกิดเหตุมีคลองสาทร สามารถใช้แหล่งน้ำในการช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้ได้ นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับอาคารหลังนี้ ขณะนี้เพลิงลุกไหม้เต็มพื้นที่ ทำให้ส่วนของหลังคาและพื้นที่มีไม้เป็นส่วนประกอบนั้น ถูกไฟเผาไหม้จนหมดสิ้นไม่เหลือชิ้นดี ส่วนพื้นที่เกิดเหตุนั้น อยู่ในความดูแลของตำรวจ อยากฝากฝังไปให้ประชาชนระมัดระวังเนื่องจากช่วงนี้อากาศมีความแห้ง และขอให้ระวังเรื่องที่เกี่ยวกับไฟฟ้าและเศษขยะ อันจะก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมระบุว่า จากการสอบถามเวรยามรักษาการณ์ได้ทราบมาว่า มีเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานตำรวจรักษาการณ์เห็นเปลวเพลิง และรีบนำถังดับเพลิงมาฉีดสกัด จำนวน 2 ถัง แต่เนื่องจากจุดที่ไฟไหม้เป็นกองเอกสาร ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงรีบโทรแจ้งรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุ ก่อนที่ไฟจะลุกลามไปยังชั้น 2 และ 3 อย่างรวดเร็ว จนตัวหลังคาได้พังลงมา และได้รับความเสียหายอย่างหนักทั้งหลัง พล.ต.ท.ธิติ กล่าวอีกว่า สำหรับอาคารดังกล่าวใช้เป็นที่เก็บเอกสารทางธุรการ และเอกสารทางราชการ ส่วนจะมีเอกสารในคดีสำคัญถูกเก็บไว้ด้วยหรือไม่นั้น ยังคงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามช่วงที่เกิดเหตุไฟไหม้ไม่มีใครพักอาศัยอยู่ภายในอาคาร ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังจากนี้จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเฟ้นหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ และต้องตรวจสอบโครงสร้างขอวอาคารว่าจะเสียหายถึงระดับโครงสร้างจนต้องทุบทิ้งหรือไม่ ทั้งนี้ ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 มีคดีสำคัญต่างๆ หลายคดี อาจมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่สำคัญกับคดีมาเก็บไว้ที่อาคารดังกล่าวนี้ อาทิเช่น คดีของอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองที่ทำการข่มขืนและทำอนาจารย์ผู้เสียหายหลายราย ในพื้นที่ สน.ลุมพินี คดีบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.คลองตัน รวมถึงคดีต่างๆ อีกหลายคดี ส่วนอาคารดังกล่าวก่อสร้างมาแล้วเป็นเวลากว่า 42 ปี เคยใช้เป็นที่ทำการของกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. ก่อนจะย้ายที่ทำการไปที่ตึกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน และได้ให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เข้ามาใช้งานอาคารต่อ เมื่อเดือน ส.ค. ปี 2565 ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าวเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะประสานเจ้าหน้าที่กรมโยธา และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *