พ.ต.ต.หญิง ผู้เป็นภรรยา ให้การยอมรับ ยิงดับ “พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข” 2 นัด แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.ต.หญิง ในวัย 67 ปี ยอมรับแล้วใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิง พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ซึ่งเป็นสามีของตนเอง แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงว่าเพราะเหตุใดจึงลงมือก่อเหตุ เนื่องจากยังไม่พร้อมให้การใดๆกับทางตำรวจ ในกรณีนี้โดนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.ต.หญิง รับแล้ว ยิงดับ “พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข” แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ร.ต.ท.วิชญะ แก้วเชื่อม รอง สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันตายภายในบ้านปิ่นภมร เลขที่ 276/2 ซอยบรมราชชนนี 70 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนที่จะไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.7, พ.ต.อ.กิตติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลา, เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บกน.7, ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สถานที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด อยู่ในมีเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ติดกับริมคลองควาย ภายในรั้วหน้าบ้านพบศพ พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. อายุ 59 ปี นอนหงายจมกองเลือดอยู่ในที่สวมใส่ชุดกางเกงขายาวสีน้ำเงินเพียงตัวเดียว มีบาดแผลถูกกระสุนยิงเจาะหน้าอกด้านขวาด้วยอาวุธปืน 1 นัด และใต้รักแร้ซ้ายอีก 1 นัด ใกล้กันพบ พ.ต.ต.(ญ) พรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ผู้เป็นภรรยานั่งร้องไห้ดังใจจะขาด ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสามียิงตัวเอง เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบนห้องนั่งเล่นที่ชั้น 2 ใกล้กับบันได พบรอยเลือดกระจายอยู่ทั่วบริเวณบนตู้ไม้เก็บของสูงประมาณ 1 เมตร พบปืนพกแบบลูกโม่ ยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน ขนาด.38 วางอยู่ 1 กระบอก บนพื้นใกล้กันพบอาวุธปืนพกยี่ห้อ ซิก ซาวเออร์ ขนาด 9 มม. อยู่ในซองพก ตกอยู่อีก 1 กระบอก จึงเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานในคดีความ จากการสอบสวน นายสินชัย ศรีคำชุม อายุ 58 ปี ให้การว่า ตนเป็นช่างที่มีความสนิทสรมกับเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน อยู่พอสมควร เข้ามาทำงานเหล็กที่บ้านนี้บ่อย ก่อนเกิดเหตุทาง พ.ต.ต.(ญ) พรประภา โทรศัพท์มาหาตน บอกว่าให้ช่วยพาผู้การไปโรงพยาบาลหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ตนจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างกันไม่เกิน 1 กม. เมื่อขึ้นไปชั้น 2 พบ พล.ต.ท.ปัญญา นอนหมดสติจมกองเลือด ตนจึงไปตามลูกน้องที่เคยร่วมงานด้วยกันอีกจำนวน 3 คน ซึ่งพักอยู่บ้านถัดไปประมาณ 30 เมตร ให้ขึ้นไปช่วยแบกร่างของ พล.ต.ท.ปัญญา ส่งโรงพยาบาล เมื่อแบกร่างลงมาถึงรถเก๋ง และได้พยายามที่จะนำร่าง พล.ต.ท.ปัญญา ใส่รถเก๋ง แต่รถเก๋งคันเล็กเกินไป ตนจึงวางร่างไว้กับพื้น แล้วโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ให้มาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล พล.ต.ท.ปัญญา เสียชีวิตก่อนรถกู้ชีพจะมาถึงด้านนางสำรอง ชนิดกุล อายุ 70 ปี ซึ่งมีอาชีพขายข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุ ให้การกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 2 นัด แล้วได้ยินเสียง พ.ต.ต.(ญ) พรประภา ร้องว่า “พี่ไม่น่าทำแบบนี้เลย” จากนั้นก็มีช่างที่สนิทกับบ้านนี้เข้าไปช่วยกันแบกร่างผู้ตายลงมาด้านล่าง ตนเห็นครอบครัวนี้มานาน ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกันอยู่ 1 คน เรียนจบจากต่างประเทศ และไปทำงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ทั้งคู่เป็นคนใจบุญ ทำบุญใส่บาตรพระเกือบทุกวัน ใครมาขอข้าว ขอเงิน ก็ให้มาโดยตลอด แถมยังสร้างศาลาริมน้ำไว้นอกบ้านให้คนมานั่งพักได้อีกด้วยด้าน พล.ต.ท.ธิติ ได้เปิดเผยหลังจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้น พบบาดแผลถูกยิงเข้าไปในร่างทั้ง 2 นัด ไม่ใช่กระสุนที่ยิงเข้าไปแล้วทะลุอีกด้าน ผู้ตายไม่น่าจะใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง เพราะไม่มีมูลเหตุในการจูงใจใดๆ ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน และมีอาชีพเป็นถึงผู้บังคับบัญชา เกิดจากความเครียดของคนในครอบครัว ตอนนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา นำภรรยาที่อยู่ด้วยกันภายในบ้านก่อนเกิดเหตุไปสอบปากคำ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ปากคำได้เพราะยังอยู่ในอาการช็อก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำของผู้อื่นแน่นอน ซึ่งตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บกล้องวงจรปิดภายในบ้านมาตรวจสอบ และสอบพยานข้างบ้านที่ได้ยินเสียงปืนหลังจากที่ภรรยาของผู้ตายหายจากอาการช็อกแล้ว ก็จะสอบปากคำอย่างละเอียดพร้อมกับจะตรวจเขม่าดินปืนที่มือ เพื่อเก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง ตนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.ท.ปัญญา ซึ่งเป็นผู้ตาย เป็นคนอุปนิสัยน่ารัก ใจดี จึงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัว พ.ต.ต.(หญิง) พรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ภรรยาของผู้ตาย ไปสอบปากคำที่โรงพัก ปรากฏว่าเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงสามีตนเองจริง แต่ไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากยังไม่พร้อมจะให้การกับทางตำรวจ เบื้องต้นผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแก่ผู้ต้องหาเอาไว้ก่อน จากนั้นจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเพื่อเก็บคราบเขม่าตามร่างกายของภรรยาซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.