ฉาวกากีอีกครั้ง ตำรวจภูธรภาค 7 ก่อเหตุ ยกพวกอุ้มสาว ขู่ยัดยาบ้า,รีดเงิน

          สาววัย 48 แจ้งความถูกชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นตำรวจภูธรภาค 7 อุ้มขึ้นรถ ขู่ยัดยาบ้า รีดเงินเป็นจำนวน 300,000 บาท เล่านาทีระทึกขวัญ โดนมัดมือ คลุมไอ้โม่งบังไว้ ปืนจ่อหัวเป็นระยะเวลา 13 ชั่วโมง ไม่ให้แม้กระทั่งน้ำดื่ม ล่าสุดชุดสืบสวน-พิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่แล้ว ขณะที่ผู้การจังหวัด ปฏิเสธให้สัมภาษณ์
          เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี นางพัชรี สนสนิท หรือ หนู อายุ 48 ปี ชาว อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจภูธรภาค 7 อุ้มขึ้นรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ติดสติกเกอร์ตราโล่บริเวณกระจกหลัง เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ภายหลังส่งหลานสาวไปโรงเรียนเสร็จเรียบร้อย และกำลังกลับเข้าบ้าน โดยกลุ่มคนร้าย จำนวน 4 คน ปกปิดใบหน้า ขับรถปาดหน้าและให้ตนหยุด จากนั้นใช้หมวกไอ้โม่งคลุมศีรษะสองชั้น ใช้เคเบิลไทร์รัดแขน ลากขึ้นรถนั่งเบาะด้านหลัง โดยมีชายสองคนนั่งประกบใช้อาวุธปืนจี้ศีรษะข้างละ 1 กระบอก โดย 1 ในกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว อ้างเป็นตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 และอ้างอีกว่าคนใกล้ชิดของตนเองมีส่วนพัวพันกับยาเสพติด พร้อมบอกว่า “นายให้มาเอาเงิน 300,000 บาท” มีคนที่ปราณบุรี ซัดทอดมาเกี่ยวกับยาเสพติด โดนจับยา 1 พันเม็ด ให้นำเงินมาเป็นค่าไถ่ตัว หากไม่หาเงินมาให้ จะยัดยาบ้าจำนวน 1 พันเม็ด และให้ตนเองเซ็นเอกสาร แล้วจะส่งไปเรือนจำนครปฐม นางพัชรี เล่าอีกว่า ขณะที่โดนจับนั่งอยู่ในรถ คนร้ายขับรถวนไปวนมา โดยใช้เส้นทางถนนสายรอง หลบเลี่ยงเส้นทางหลักที่มีการติดตั้งกล้องบันทึกภาพวงจรปิด เป็นระยะเวลานานกว่า 13 ชั่วโมง โดยไม่ให้ดื่มน้ำ หรือกินอาหารเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งปวดปัสสาวะก็ไม่ให้เข้าห้องน้ำ ระหว่างทางคนร้ายได้สับเปลี่ยนรถเก๋งมาเป็นรถกระบะ และหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อ “แงะ” หายไป ซึ่งตนเองกังวลว่าจะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นจากไหน หากต้องโดนยัดยาหลักพันเม็ด จึงไปหยิบยืมจากหลานที่เพิ่งแต่งงานที่อำเภอบางสะพาน โดยเป็นสินสอดเงินแต่งงาน จำนวน 180,000 บาท และเงินตนเองอีก 20,000 บาท พร้อมแหวนทองสองสลึงอีกหนึ่งวง หลังจากนั้นคนร้ายโทรศัพท์ไปหาลูกสาวว่า แม่โดนจับ ให้นำเงินมาเป็นค่าไถ่ ซึ่งปรากฏหมายเลขโทรศัพท์ และเสียงได้ว่าเป็นคนชื่อแงะ ซึ่งเป็นเพื่อนของอดีตแฟนเก่า โดยที่ลูกสาวยังไม่รู้ว่าแม่โดนจับเรียกค่าไถ่ โดยทีแรกนัดไว้ที่ข้างปั๊มร้างฝั่งตรงข้ามสถานีบริการน้ำมันพีที ให้วางไว้ใกล้จุดกระป๋องสีแดง แต่คนร้ายเปลี่ยนจุดให้ไปวางไว้บริเวณป้ายบอกทางหาดหว้าขาว โดยลูกสาวตนเองวางแอบไว้ที่โคนเสา ในภายหลังเกิดเหตุในช่วงสายของวันดังกล่าว ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ไล่ติดตามมาที่ถนนเส้นหลักที่มีกล้องวงจรปิด และภายในหมู่บ้านของผู้เสียหาย ปรากฏอย่างชัดเจนเป็นรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ติดสติกเกอร์ตราโล่ วิ่งเข้ามาในถนนหมู่บ้าน โดยคาดว่าคนร้ายมาดูลาดเลาก่อนหน้านี้ ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ย. 66) พิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเป็นเสื้อชุดนอนสีแดงของนางพัชรี และหมวกไอ้โม่ง 2 ชิ้น ที่คนร้ายจับคลุมศีรษะไว้ เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ ที่ถูกจับโดยคนร้ายที่ประกบตัวนางพัชรี โดยใช้แขนล็อกทั้งสองข้างขณะนั่งอยู่ในรถเก๋ง โดยมีการสัมผัสจากตัวคนร้ายบนเสื้อผ้าของผู้เสียหาย ขณะที่นั่งอยู่บนรถตลอดเวลา ทำให้คนร้ายบางคนเกิดอาการอ่อนเพลีย หลับซบมาที่ไหล่ของผู้เสียหาย บางช่วงขณะใช้มือดึงหมวกไหมพรมให้ปิดแน่น โดยคนร้ายไม่ได้สวมถุงมือ
          นางพัชรี ให้ข้อมูลอีกว่า ตลอดเวลาที่ขับรถวนไปมา มีแต่เสียงเงียบ ไม่มีเสียงพลุ่กพล่าน หรือมีผู้คนสัญจร หรือรถที่สวนกันไปมา ซึ่งตนเองคิดว่าจะพาตัวไปกรุงเทพฯ เพราะใช้ระยะเวลานาน และมองไม่เห็น คาดว่าใช้ถนนเส้นรองในหมู่บ้านขับช้าๆ ประกอบกับรถติดฟิล์มกระจกสีดำจึงไม่เป็นที่สังเกต โดยตนสอบถามคนนั่งด้านหน้าว่า “เดี๋ยวนี้ตำรวจหากินกันแบบนี้เลยรึ” และมีเสียงตอบกลับมาว่า “ครับ ครับ พี่”
และพอตอนใกล้เที่ยงคนนั่งหน้าด้านซ้ายได้พูดว่า “ผู้กองกินข้าวบ้างยัง” และได้รับคำตอบว่า “ยังไม่ได้กิน” จากนั้นตนจึงถามคนขับรถด้านขวาว่า “พี่ๆ กินข้าวยัง” ได้รับคำตอบว่า “ยังไม่ได้กินเหมือนกัน” ขณะที่ตนเองรู้สึกหิวและโหย ไม่มีแม้กระทั่งข้าวหรือน้ำดื่ม นอกจากนี้ ยังมีไลน์คนรู้จักกับหลาน ที่ตนเองไปยืมเงินจำนวน 180,000 บาท ไลน์มาบอกว่า “แงะอยู่ที่หน่วยขณะเกิดเหตุ ไม่ใช่คนทำ มีภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยัน ไปแจ้งความเท็จ ระวังจะติดคุก แม่งานเข้าแน่ แจ้งความไม่จริงอะ ชิบหายเลย พวกตำรวจมันเอาคืนแน่” ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ พล.ต.ต.วันชัยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *